วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

บทลงโทดด้วยความรัก






บทลงโทษด้วยความรัก

วันหนึ่งเมื่อยังเด็กแอนดี้น้องชายของฉันนั่งอยู่ที่มุมห้องนั่งเล่นในมือข้างหนึ่งมีปากกาหนึ่งด้ามขณะที่ในมืออีกข้างหนึ่งก็ถือหนังสือสะสมราคา แพงของพ่อแอนดี้คงจะปีนขึ้นไปหยิบจากบนชั้นหนังสือ
เมื่อพ่อเดินเข้ามาในห้องแอนดี้ก็ก้มหน้างุดและทำท่ากระสับกระส่ายเขารู้ตัวดีเชียวละว่ากำลังทำผิดแม้จากระยะไกลฉันก็เห็นรอยขีดเขียนเปรอะไปทั่วบนหน้าหนังสือของพ่อและตอนนี้แอนดี้ก็กำลังจ้องมองพ่อตาโตด้วยความ
หวาดหวั่นรอคอยที่จะถูกทำโทษ
พ่อหยิบหนังสือขึ้นมามองแล้วก็ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้โดยไม่พูดอะไรสักคำ
หนังสือทุกเล่มมีความหมายต่อพ่อมากหนังสือคือความรู้และหนังสือเล่มนี้ก็เป็นหนังสือสะสมราคาแพงแต่ในขณะเดียวกันท่านก็เป็นพ่อที่รักลูกมาก

สิ่งที่พ่อทำในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านั้นยอดเยี่ยมมากแทนที่ท่านจะลงโทษหรือดุแอนดี้หรือแม้แต่ตำหนิความซุกซนพ่อกลับนั่งลงหยิบปากกาในมือแอนดี้ขึ้นมาถือไว้แล้วก็เขียนอะไรบางอย่างลงในหน้าหนังสือสะสมราคาแพงนั่นเสียเอง
พ่อเขียนที่ข้างๆ ลายเส้นที่แอนดี้ขีดว่า
ภาษาของแอนดี้ เมื่ออายุสองขวบ

ต่อไปนี้
ไม่ว่าครั้งไหนที่พ่อหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาเปิด
พ่อก็จะเห็นใบหน้าน้อยๆ
ที่น่ารักและดวงตาที่สดใสของลูก
และจะขอบคุณพระเจ้าที่ประทานเด็กน้อยคนนี้
มาให้ขีดเขียนบนหนังสือแสนหวงของพ่อ
ลูกทำให้หนังสือเล่มนี้ของพ่อมีความหมาย
เหมือนกับที่พี่ๆของลูกนำความหมายมาสู่ชีวิตของพ่อ
เหมือนกัน

ว้าว... ฉันคิด นี่หรือคือการลงโทษของพ่อ?
นานๆครั้งฉันก็จะหยิบหนังสือที่สะสมไว้มาให้ลูกหลานของฉันขีดเขียนเล่นทุกครั้งที่มองดูลายมือหยุกหยิกเหล่านั้นฉันก็จะนึกถึงสิ่งที่พ่อทำในวันนั้นพ่อได้สอนให้ฉันรู้ว่า…อะไรกันแน่ที่มีค่าต่อชีวิตของเราอย่างแท้จริงซึ่งนั่นก็คือ คนที่เรารัก ไม่ใช่วัตถุสิ่งของ
ลองมองย้อนดูตัวคุณเอง ในแต่ละวันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นได้อยู่เสมอเช่นคุณนั่งกินข้าวกับภรรยาอยู่ที่ร้านอาหารเธอหวังดีอยากจะเทซอสให้คุณแต่มันกลับหกไปเลอะเสื้อตัวเก่งของคุณและคุณก็ทำสีหน้าที่ตำหนิเธอและคำพูดที่บอกว่าเดี๋ยว ผมเทเองก็ได้
นอกจากคำขอโทษที่เธอพร่ำบอกน้ำตาใสๆก็เริ่มเอ่อขึ้นในใจเช่นเดียวกันและอาหารมื้อนั้นไม่มีรสชาติสำหรับเธอเสียแล้ว
แต่ถ้าคุณบอกกับเธอว่า ถ้าซักไม่ออกก็ไม่เป็นไรหรอกเมื่อผมหยิบเสื้อขึ้นมาใช้ครั้งใดผมจะหวนนึกถึงร้านอาหารนี้ทุกครั้งไปที่ได้มีโอกาสมาทานข้าวกับคุณและได้คิดถึงทุกครั้งว่าภรรยารักและเอาใจใส่ผมมาก
เท่าใดอยากปรนนิบัติเอาใจ (จนเทซอสหกใส่ผม)แต่ว่าคราวหน้าออกมาทานข้าวผมจะเป็นคนเทซอสให้คุณมั้งล่ะ (ทีนี้ตาผมมั่ง)
รอยยิ้มจากหัวใจของเธอได้เริ่มโบยบินแล้วแค่นี้คุณก็ลงโทษเธอให้ระวังมากขึ้นแล้ว
สิ่งที่มีค่าต่อชีวิตคนเรานั้นไม่ใช่ นาฬิกาเรือนละแสนหรือเนคไทเส้นละหลายๆพันแต่เป็นความอบอุ่นในหัวใจที่คุณรู้ว่ามีใครคนหนึ่ง เฝ้ารักเฝ้าถนอม เฝ้าห่วงใย และคอยแคร์
ความรู้สึกคุณอยู่ ตลอดเวลาต่างหากแล้วคุณล่ะ เคยลงโทษใครด้วยความรักหรือเปล่า

ได้อ่านบทความนี้แล้ว มีรู้สึกดี ๆ เลยนำมาให้อ่านกันหากใครเคยอ่านแล้วก็ไม่เป็นไรนะ
หากครั้งนี้ลองอ่านดูอีกครั้งแล้วพินิจด้วยใจบางครั้ง....เราอาจเคยตั้งคำถามหนึ่งขึ้นในใจว่ามนุษย์เรา ...เกิดมาเพื่ออะไรบทความนี้อาจเป็นคำตอบที่ดีสำหรับคุณ...ก็เป็นได้ขอมอบบทความนี้ให้กับผู้มีหัวใจที่เต็มเปี่ยมด้วยความรัก ทุกท่าน และอย่าพยายามทำร้ายหัวใจใครอีกเลยไม่ว่าจะด้วยเจตนา หรือไม่ก็ตาม


ข้อมูลจาก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น